ก.ย. 17 2561
READ 00:01:18
พลังแห่งการหยุดพัก
คุณเคยเดินเข้าไปในห้องที่แออัดและรู้สึกว่าตัวคนเดียว เหมือนคุณไม่มีตัวตน แถมคุณไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเลย การทำให้ความรับผิดชอบในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวสมดุลกันอาจจะหนักมากจนคุณอาจจะเริ่มไม่เชื่อตัวคุณเอง
ลักษณะพิเศษของรองเท้าส้นสูงของฉันคือ เสียงที่ดังก้องไปทั่วทางเดินของโรงพยาบาลที่ที่รองเท้าส้นเข็มไม่เคยเหยียบมาก่อน คลิก คลิก คลิก คลิก นี่คือสัญญาณสำหรับเพื่อนร่วมงานนักฟิสิกส์ นางพยาบาลและผู้ป่วยของฉันว่า เธอมาแล้ว—นักประสาทวิทยาหญิง ผู้เชี่ยวชาญโรคลมบ้าหมูและผู้ติดช็อกโกแลตแบบไม่มีวันหาย
ฉันทำงานกับแผนกประสาทวิทยาตอนที่ร้อยละ 5 ของนักประสาทวิทยาเป็นผู้หญิง MDRT ต้อนรับสมาชิกหญิงคนแรก 20 ปีก่อนที่ชาวนักประสาทวิทยาจะเปิดรับในประเทศอเมริกา ฉันรู้ทันทีว่าฉันต้องก้มหัวเอาไว้ ใส่รองเท้าส้นสูงและตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ในความเป็นจริงแล้วฉันรู้สึกกดดันมากและนอนไม่พอเพราะฉันพยายามที่จะตามให้ทันกับงานแต่ละสัปดาห์ 80 ถึง 90 ชั่วโมง ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวมากและฉันภาวนาทุกเช้าว่าจะไม่มีใครมาค้นเจอความอับอายและความโดดเดี่ยวที่ฉันได้ซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อแล็ปสีขาวของฉัน
สำหรับเพื่อนผู้หญิง ณ ที่นี้ ฉันขอแสดงความยินดีที่พวกคุณได้เป็นผู้นำหญิงที่ MDRT ในอุตสาหกรรมการเงินและในสังคมของคุณ &เรากำลังอยู่ในประวัติการณ์ของประวัติศาสตร์ในประเทศอเมริกาและรอบ ๆ โลกกำลังถกปัญหาเกี่ยวกับสิทธิของผู้หญิงในที่ทำงาน ถ้าเมื่อใดที่คุณรู้สึกหนักหน่วงหรือโดดเดี่ยว ฉันหวังว่าคุณจะจำข้อความของฉันได้ว่า ให้หยุดสักครู่ ความตั้งใจของฉันคือ เมื่อคุณหยุดชั่วคราวคุณจะพบเสียงของคุณและยืนอยู่ในความแข็งแกร่งของคุณ
ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เหงาเกือบ 10 ปีมาแล้ว ฉันได้เรียนรู้ว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จหรือเป็นคนที่รู้สึกว่าติดอยู่ในชีวิตที่ฉันสร้างขึ้นเอง ไม่มีใครมีภูมิคุ้มกันความรู้สึกเหงาหรือความทุกข์ ในขณะที่ทั้งโลกคิดว่าคุณประสบความสำเร็จมาก การแก้ปัญหาอยู่ในอำนาจของการหยุดชั่วคราว
เราจะหยุดเพื่อตั้งเป้าหมายใหม่ เช่น สามารถเข้าร่วมการประชุมประจำปี การลดน้ำหนัก ทำยอดขายให้สูงขึ้นเป็นสองเท่าจากเป้าหมายของปีที่แล้ว เราทำให้ตัวเราเครียดด้วยการตั้งเป้าหมายที่จะไปให้ถึง เราประสบความสำเร็จแล้วคิดว่าตอนนี้ฉันมีความสุขหรือไม่? ความสุขจะอยู่กับเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อย แล้วเราก็จะกลับไปอยู่ในที่ที่เรารู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีความสุขเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการกลับไปเครียดอีกครั้ง การที่เราวนเวียนอยู่กับความเครียดนอกจากจะทำให้เราไม่มีความสุขแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราด้วย ความเครียดสามารถฆ่าคนได้ ฉันควรรู้ไม่เพียงเพราะฉันเป็นหมอแต่เพราะความเครียดเกือบจะฆ่าฉัน
ฉันจำได้เมื่อตอนที่ฉันทำงานเต็มเวลาที่คลินิกเป็นแพทย์ฝึกหัด พยาบาลมาเคาะประตูแบบตกอกตกใจตอนกลางวัน “คุณหมอ Mushtaq ขอโทษที่รบกวนค่ะแต่คุณแม่ของคุณหมอโทรมาที่โทรศัพท์ด้านหน้า เธอบอกว่าด่วนมาก” ฉันเริ่มตกใจทันที เช่นเดียวกับคุณหลาย ๆ คน หนึ่งในบทบาทของฉันคือการเป็นลูกสาวที่ต้องปรนนิบัติพ่อแม่ผู้สูงอายุ ฉันรู้สึกเป็นห่วงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอหรือพ่อของฉัน ฉันวิ่งไปที่ด้านหน้าคลินิกและรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“Romie bhayta ป้า ๆ ของลูกมาเยี่ยมช่วงบ่ายกัน กำลังทำพิธีชากัน ทุกคน เธอมารับโทรศัพท์แล้ว สวัสดีสิ”
“สวัสดีที่รัก พวกเราภูมิใจในตัวเธอมากเลยนะ ดูสิ โตแล้วเป็นแพทย์มืออาชีพด้วย เธอหาสามีในโรงพยาบาลเจอหรือยัง”
ฉันรู้ทันทีว่าพวกเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร; แต่กลับเป็นฉัน “แม่คะ หนูกำลังทำงานอยู่ ทุกคนกำลังจ้องมาทางหนู เดี๋ยวหนูโทรกลับนะคะ” “ไม่ได้! ป้า ๆ ของหนูและแม่มีเรื่องสำคัญจะประกาศให้หนูรู้ พวกเรากำลังคุยกันว่าหนูไม่ได้ร่วมกิจกรรมครอบครัวมานานมากแล้วและช่วงนี้หนูเครียดมาก ๆ พวกเราตกลงกันเป็นเอกฉันท์; ลูกต้องทำสมาธิ”
“แม่โทรมาหาหนูเพื่อบอกหนูว่าหนูต้องทำสมาธิงั้นเหรอคะ หนูต้องไปแล้วค่ะ หนูเป็นแพทย์ที่ยุ่งและประสบความสำเร็จค่ะ”
“โอเค โอเค โอเค คุณนายยุ่ง ๆ ๆ ไปเถอะ ป้า Deepa จะโทรหาลูกตอนทุ่มครึ่งเกี่ยวกับวิธีการนั่งสมาธิ ทุกคน บอก Romie บายบายสิ”
“บายที่รัก พวกเราภูมิใจในตัวเธอมากนะ ตั้งใจทำงานในฐานะคุณหมอ ไปเถอะ แต่อย่าลืมตั้งใจหาสามีด้วยนะวันนี้”
ฉันรู้สึกตัวเล็กลงสูงเพียงสามฟุตในรองเท้าส้นเข็มสูงห้านิ้วของฉัน ฉันรู้สึกว่าจิตวิญญาณของฉันโดนประชาทัณฑ์ ถ้าคุณกำลังนั่งอยู่ ณ ที่นี่แล้วสงสัยว่า ทำไมการประชุมคณะกรรมการการวางแผนประจำปีต้องให้คุณหมอประสาทวิทยามาพูดเรื่องเกี่ยวกับการมีสติและการทำสมาธิ เดี๋ยวฉันจะบอกให้ค่ะ: หยุดสักครู่ หายใจ และเชื่อว่าสมองของคุณต้องการได้ยินข้อความหนึ่งและความรู้สึกที่หัวใจของคุณต้องการจะสัมผัส
ฉันไม่ได้ฟังบทเรียนของป้า ๆ และแม่ของฉัน ฉันสู้กับการไม่กลับไปเครียดจนฉันเริ่มเจ็บหน้าอก ในที่สุดคุณหมอก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคิดว่าเป็นกรดไหลย้อนและความเครียด พวกเขาบอกให้ฉันหยุดกินช็อกโกแลตและใช้ยาลดกรด มันไม่ได้ผล ฉันเลยเริ่มกินช็อกโกแลตต่อ ฉันเริ่มจะมารู้ตัวว่ากำลังอยู่ในอันตรายเมื่อฉันเริ่มตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนแล้วหายใจลำบาก ฉันกลืนไม่ได้ และสำลักน้ำลายตัวเองและอาเจียน ณ จุดนี้ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่คนอื่นไม่เป็นกันซึ่งเรียกว่าหลอดอาหารเกร็งตัว และมันรุนแรงมากจนต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ฉันจำได้ว่านอนอยู่บนเตียงเคลื่อนที่รอการผ่าตัด ฉันกังวลว่าฉันจะเป็นโรคมะเร็งหรือจะกลายเป็นคนพิการ ฉันยิ่งจมลึกลงไปในที่ที่มืดกว่าเดิม ฉันไม่เข้าใจตัวเองว่าปล่อยให้ชีวิตที่ฉันเรียกว่าประสบความสำเร็จมาอยู่จุดที่ต่ำแบบนี้ได้อย่างไร
หลังจากผ่าตัดฉันเริ่มเล่นโยคะและนั่งสมาธิ ด้วยการทำสมาธิฉันสังเกตเห็นว่าอาการปวดหลังของฉันรู้สึกดีขึ้นและอารมณ์ของฉันเบาลง สิ่งนี้ทำให้ฉันเดินทางไปทั่วโลกเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของสติและการรักษาด้วยการทำสมาธิ เมื่อฉันกลับมาบ้านและค้นพบงานวิจัยทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับพลังแห่งการทำสมาธิและการปฏิบัติเกี่ยวกับสติเพื่อช่วยในเรื่องของสุขภาพทางสมองและร่างกาย ฉันรู้ว่าฉันต้องแบ่งปันเรื่องนี้กับคนไข้และคนอื่น ๆ ที่ยังคงติดอยู่ในวงจรของความเครียดในความสำเร็จ
ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อขอให้คุณเปิดใจให้กว้างรับพลังของการหยุดสักครู่ บทเรียนนี้สอดคล้องกับแนวความคิดหลักของ MDRT ของ คนเต็มคนเพื่อให้เกิดความสมดุลในชีวิตของคุณ
เมื่อเราหยุดพักเราจะย้ายจิตใจของเราไปในที่ที่สงบและเราจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อีกครั้ง เมื่อเราติดอยู่ในวงจรความเครียดในความสำเร็จ มันจะส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองเรา มีบริเวณของสมองที่เรียกว่า กลีบขมับ ที่มีหน้าที่ดูแลความทรงจำและความรู้สึกของเรา ด้านในของกลีบขมับ อมิกดาลาทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมการจราจรสนามบินของสมองคุณ มันจะประมวลผลคำ ภาพ เสียงและการสัมผัสอื่น ๆ ที่เข้ามาทั้งหมดไปยังความทรงจำ การกระทำและความรู้สึกต่าง ๆ
เมื่อเราตกอยู่ในวงจรความเครียดในความสำเร็จ ศูนย์ควบคุมการรับส่งสนามบินของสมองคุณจะหยุดทำงานทำให้เกิดการตอบสนองของความเครียด มันเหมือนกับว่าสมองของเราโดนปล้นแล้วเราไม่สามารถคิดได้ อารมณ์ชนะความคิดที่มีเหตุผล เมื่อสมองของเราหยุดทำงาน เราจะเกิดปฏิกริยา มีความเสี่ยงที่คุณจะส่งอีเมลที่ฟังดูคุณอารมรณ์ไม่ดี ใช้คำพูดผิดระหว่างการเสนอการขาย หรือการเริ่มมีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน
เพื่อรับมือกับสถานการณ์เราต้องควบคุมสมองของเรา เคล็ดลับอยู่ที่พลังของการหยุดสักครู่ เมื่อเราหยุดสักครู่ด้วยการคุมการหายใจ การนั่งสมาธิ หรือเทคนิคอื่น ๆ ที่้เกี่ยวกับจิตใจ เราจะเปลี่ยนจากสมองที่ชะงักสู่สภาวะของความสงบและการควบคุมความคิด เมื่อเราอยู่ในสภาวะของความสงบและควบคุมความคิดได้ เราได้แยกตัวออกจากวงจรของความเครียดและได้ก้าวไปข้างหน้า ไปสู่เป้าหมายด้วยการปฏิบัติที่คงเส้นคงวา
ดังนั้นเราจะใช้พลังของการหยุดชั่วครู่ในชีวิตที่ตารางเวลาล้นเกินไปของเราได้อย่างไร คุณอาจจะคิดว่าคุณไม่มีเวลานั่งสมาธิ เมื่อเรามองไปที่พฤติกรรมทางจิตวิทยาของความสำเร็จของผู้ที่ประสบความสำเร็จสูง พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน: พวกเขาเข้าใจว่าเพื่อที่จะเร่งความเร็ว เราต้องทำให้ช้าลง ใช่แล้ว เพื่อเร่งให้เร็ว เราต้องทำให้ช้าลง
การทำให้ช้าลงด้วยพลังของการหยุดสักครู่คือการฝึกด้วยขั้นตอนง่าย ๆ สามขั้นตอน:
- หยุดเชื่อมต่อเพื่อเชื่อมต่ออีกครั้ง
- ทิ้งทุกความคิดลงบนกระดาษ
- หยุดแล้วหายใจ
ขั้นตอนที่ 1: หยุดเชื่อมต่อเพื่อเชื่อมต่ออีกครั้ง
ขั้นตอนแรกของพลังของการหยุดชั่วครู่คือ การตัดการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ดิจิทัลของเรา ในโลกที่เต็มไปด้วยการเชื่อมต่อกันของเรา ฉันเข้าใจว่าความคาดหวังอยู่ที่ว่าเราต้องมีเวลาว่างตลอด ฉันขอให้คุณลดการใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์จาก 30 เป็น 60 นาทีก่อนเข้านอน แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์ของเราจะช่วยกระตุ้นด้านหลังของดวงตาและบอกศูนย์ควบคุมการจราจรสนามบินของสมองเราให้ “ตื่นได้แล้ว! เริ่มคิดและวิเคราะห์ได้แล้ว” แสงสีฟ้าจากหน้าจอของเราจะช่วยกระตุ้นจิตใจและส่งเราไปยังสมองที่หยุดชะงักของเรา ในสถานะนี้ระดับสารเคมีของประสาทที่สำคัญของเซอโรโทนินและเมลาโทนินในสมองจะลดลง ซึ่งจะนำไปสู่การนอนไม่หลับและทำให้ระดับความเครียดสูง
ดังนั้นปิดอุปกรณ์ดิจิตอลจาก 30 เป็น 60 นาทีก่อนเข้านอนแทนจะดีกว่า
ขั้นตอนที่ 2: ทิ้งทุกความคิดลงบนกระดาษ
คุณรู้สึกไหมว่าความคิดของคุณกำลังวิ่งมาราธอนอยู่ข้างในสมองของคุณ ด้วยการหยุดสักครู่เพื่อที่จะอยู่กับความคิดเหล่านี้ เราหยุดแข่งกับความคิดจากการวิ่งที่บ้าคลั่งในสมองของเรา ใช้ปากกาและกระดาษเขียนทุกอย่างลงไป
ขั้นตอนที่ 3: หยุดแล้วหายใจ
คุณเคยพบตัวเองสมองชะงักไหม หยุดแล้วหายใจ ฉันจะรู้สึกเป็นเกียรติมากถ้าคุณจะร่วมทำการหยุดชั่วครู่กับครอบครัว MDRT เราจะได้รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลของการหยุดชั่วครู่เป็นกลุ่ม
จากการหายใจออกครั้งต่อไปของคุณ นำความรู้สึกตัวของคุณกลับเข้ามาในร่างกายของคุณ กระดิกนิ้วเท้าในรองเท้าของคุณ และใช้เวลาสักครู่หยุดและรู้สึกถึงพลังงานในห้องนี้ เมื่อคุณลืมตาขึ้นฉันขอให้คุณลองนึกว่าพลังของการหยุดนี้จะสามารถช่วยคุณในเรื่องการจัดการกับความเครียด การโฟกัสและการทำงานของคุณได้อย่างไรบ้าง
ฉันโดนถามบ่อย ๆ ว่าฉันนั่งสมาธิทุกวันจริงหรือเปล่า การนั่งสมาธิคือยาสำหรับความเป็นคนเต็มคนของฉัน การนั่งสมาธิเป็นองค์ประกอบสำคัญของแผนฉันในการรักษาความเป็นอยู่และมีสุขภาพดีแปดปีหลังจากการผ่าตัดที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ฉันขอให้คุณนั่งสมาธิเพื่อหยุดสักครู่และเรียนรู้เกี่ยวกับพลังของตัวเองในฐานะที่เป็นบุคคลคนหนึ่ง
และถ้าวันนี้คุณนั่งอยู่ ณ ที่นี้รู้สึกโดดเดี่ยวในเส้นทางชีวิต ความตั้งใจของฉันคือให้คุณได้รู้ว่าเมื่อเราเชื่อมกับพลังของการหยุดสักครู่ ไม่มีใครเคยอยู่ตัวคนเดียวค่ะ
ฉันขอให้คุณทุกคนร่วมมือกันทำและหยุดสักครู่

Romie Mushtaq, M.D., เป็นนักประสาทวิทยาแบบดั้งเดิม และศึกษาเพิ่มเติมจนได้ประกาศนียบัตรการแพทย์แบบผสมผสาน เธอนำการรักษาแบบตะวันตกผนวกกับภูมิปัญญาตะวันออกเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องสมองกับสุขภาพจิต รายการของเธอรวมเอาภูมิปัญญาที่โดดเด่นในด้านประสาทวิทยา, การแพทย์แบบผสมผสาน และการฝึกสติ เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ออกรายการในสื่อระดับชาติเช่น NBC, Huffington Post, Fox News และ NPR